รีวิวหนัง Cinderella Man (2005) วีรบุรุษสังเวียนเกียรติยศ การอุบัติของสัญลักษณ์แห่งความหวังในยุคสมัยแห่งความมืดมิด! ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของกีฬามวยสากล มีผลงานน้อยเรื่องนักที่จะสามารถผสานความดุดันบนสังเวียนเข้ากับความละเอียดอ่อนของดราม่าครอบครัวได้อย่างสมดุลเท่ากับ Cinderella Man (2005) ผลงานชิ้นเอกของศิษย์เก่าฮอลลีวูดอย่าง รอน ฮาวเวิร์ด (Ron Howard) ภาพยนตร์เรื่องนี้มิได้เป็นเพียงชีวประวัติของ “เจมส์ เจ. บร็อดด็อก” นักมวยผู้สร้างตำนานจากการเป็นคนถังแตกสู่แชมป์โลก ทว่ามันคือ “มหากาพย์แห่งความหวัง” ที่ถูกจารึกไว้บนฉากหลังของยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ในสหรัฐอเมริกา
Cinderella Man ก้าวข้ามขอบเขตของการเป็นหนังแอ็กชันกีฬาสู่การเป็นบทวิพากษ์เชิงมานุษยวิทยาว่าด้วย “จิตวิญญาณที่ไม่ยอมสยบ” (Indomitable Spirit) และความรับผิดชอบของบุรุษในฐานะเสาหลักของครอบครัว บทวิพากษ์ฉบับนี้จะเจาะลึกองค์ประกอบทางศิลป์อย่างละเอียด ทั้งในมิติของเนื้อเรื่องที่วิพากษ์จริยธรรมการต่อสู้, สุนทรียศาสตร์ทางภาพที่เนรมิตความอัตคัดให้กลายเป็นงานศิลปะ และการแสดงที่เปลือยความเปราะบางและความเข้มแข็งได้อย่างทรงพลัง

ความโดดเด่นประการแรกของบทภาพยนตร์โดย คลิฟฟ์ ฮอลลิงส์เวิร์ธ และ อากิวา โกลด์สแมน คือการวางโครงสร้าง “ความพ่ายแพ้และการคืนชีพ” (Fall and Resurrection) ที่อิงแอบอยู่กับสภาวะล่มสลายของสังคมอเมริกันในยุค 1930
ชัยชนะของความซื่อสัตย์เหนือความอดอยาก (Integrity vs. Destitution)
เนื้อเรื่องวางรากฐานตัวละคร “จิม บร็อดด็อก” ให้เป็นภาพแทนของชนชั้นแรงงานที่สูญเสียทุกอย่างยกเว้น “เกียรติยศ”:
การต่อสู้เพื่อปัจจัยพื้นฐาน: แตกต่างจากหนังมวยเรื่องอื่นที่นักสู้ชกเพื่อชื่อเสียงหรืออำนาจ บร็อดด็อกชกเพื่อ “นมและค่าไฟ” บทภาพยนตร์เน้นย้ำถึง “มูลค่าของหยาดเหงื่อ” ที่ถูกเปลี่ยนเป็นอาหารบนโต๊ะ การที่เขายอมลดศักดิ์ศรีไปขอเงินสงเคราะห์เพื่อช่วยลูกๆ คือจุดเปลี่ยนทางอารมณ์ที่แสดงให้เห็นว่า ความเป็นบุรุษที่แท้จริงมิได้อยู่ที่ความทะนงตนแต่อยู่ที่การเสียสละ
ความย้อนแย้งของฉายา Cinderella Man: ชื่อที่ ดามอน รันยอน มอบให้มิได้หมายถึงโชคช่วยในเทพนิยาย แต่หมายถึงการที่ชายคนหนึ่งถูกสังคมทิ้งไว้ในกองขี้เถ้า แล้วพยายามปีนป่ายกลับขึ้นมาด้วยความอุตสาหะ เนื้อเรื่องแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นวีรบุรุษของ “กลุ่มคนที่ถูกลืม” (The Forgotten Man) ซึ่งทำให้ทุกหมัดที่เขาชกบนสังเวียนมีความหมายมากกว่าเรื่องส่วนตัว แต่คือตัวแทนของความหวังของคนทั้งชาติ
วิพากษ์ความแตกต่างระหว่างผู้ล่าและผู้ถูกกระทำ
การเปรียบเทียบระหว่าง บร็อดด็อก และ แม็กซ์ แบร์ (แชมป์โลกผู้ทรงอิทธิพลและดุดัน) เป็นการสร้างความขัดแย้งเชิงศีลธรรมที่ชัดเจน แบร์คือภาพแทนของความโอหังและอำนาจที่ไร้ความเห็นอกเห็นใจ ในขณะที่บร็อดด็อกคือภาพแทนของความถ่อมตัวที่ขับเคลื่อนด้วยความรัก สารัตถะที่ภาพยนตร์สื่อสารคือ ความแข็งแกร่งที่ปราศจากมโนธรรมนั้นไร้ซึ่งคุณค่า

สุนทรียศาสตร์ทางภาพของ Cinderella Man คือการใช้ภาษาภาพเพื่อบอกเล่าความแตกต่างของอารมณ์ผ่าน “อุณหภูมิของสี” โดยผู้กำกับภาพ ซัลวาตอเร โตติโน (Salvatore Totino)
สุนทรียศาสตร์แห่งความอัตคัดที่สง่างาม (Aesthetics of the Depression)
พาเลตต์สีแห่งยุคสมัย: ภาพยนตร์ใช้โทนสีซีเปีย (Sepia), น้ำเงินตุ่น และเทาโคลน เพื่อเนรมิตนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำให้มีชีวิต แสงแดดในเรื่องนี้มักจะดูซีดเซียวและห่างไกล สื่อถึงความหวังที่ริบหรี่ ทว่าในฉากที่บร็อดด็อกอยู่กับครอบครัวภายในบ้านที่มืดสลัว แสงเทียนหรือแสงตะเกียงจะให้ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวล เป็นการใช้แสง (Mise-en-scène) เพื่อสื่อว่าครอบครัวคือ “แสงสว่างเดียว” ที่เขามี
นาฏกรรมบนสังเวียน (Visceral Boxing Visuals): การถ่ายทำฉากมวยในเรื่องนี้มีความเป็น “กายภาพ” สูงมาก กล้องมักจะเข้าไปอยู่ในระดับสายตาของนักมวย สลับกับการใช้ภาพมุมกว้างที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสนามกีฬา การใช้เทคนิคภาพสั่นไหวและเสียงกระทบที่หนักหน่วงทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่บร็อดด็อกได้รับ ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเพียรพยายามของเขา
ความต่อเนื่องของเวลา: การใช้เทคนิคการซ้อนภาพ (Montage) เพื่อแสดงความร่วงโรยของร่างกายและการผ่านพ้นของฤดูหนาวที่ทารุณ ถูกทำออกมาได้อย่างละเมียดละไม สื่อสารถึงการรอคอยและการดิ้นรนที่ยาวนานได้อย่างยอดเยี่ยม
หัวใจสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสัตย์จริงอย่างถึงที่สุด คือการประชันบทบาทของนักแสดงระดับมาสเตอร์คลาสที่ถ่ายทอด “ความอ่อนน้อมและความทรหด” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
รัสเซล โครว์ (Russell Crowe) ในบท เจมส์ เจ. บร็อดด็อก: บารมีแห่งความเงียบสงบ
โครว์มอบหนึ่งในการแสดงที่ละเอียดอ่อนที่สุดในชีวิตการแสดงของเขา:
ความอ่อนโยนในร่างยักษ์: โครว์ไม่ได้เล่นบทนักมวยที่ก้าวร้าว แต่เขาแสดงเป็น “สุภาพบุรุษนักสู้” (Gentleman Fighter) แววตาของเขาในช่วงที่ต้องไปขอเงินบริจาคสื่อถึงความละอายที่แตกสลายทว่าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาใช้ภาษากายที่ดูเหนื่อยล้าแต่ไม่ยอมก้มหัวให้ชะตากรรม ทำให้ตัวละครนี้มีความเป็นปุถุชนที่จับต้องได้และสง่างามในเวลาเดียวกัน
เรเน เซลเวเกอร์ (Renée Zellweger) ในบท เม บร็อดด็อก: กระดูกสันหลังแห่งศรัทธา
เซลเวเกอร์มอบการแสดงที่เปี่ยมด้วยวุฒิภาวะทางอารมณ์:
ความรักที่เป็นแรงผลักดัน: เธอไม่ได้เป็นเพียงภรรยาที่คอยเชียร์อยู่ข้างสนาม แต่เธอคือตัวแทนของ “ความกังวลและความกล้าหาญ” ของผู้หญิงในยุคนั้น การแสดงผ่านทางสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อสามีต้องขึ้นชก (เพราะเธอรู้ว่าเขาอาจไม่กลับมา) คือการเพิ่มน้ำหนักทางจริยธรรมให้แก่การต่อสู้ของบร็อดด็อกอย่างมหาศาล
พอล จีอาแมตติ (Paul Giamatti) ในบท โจ กูลด์: สีสันและหัวใจของมิตรภาพ
จีอาแมตติมอบการแสดงที่ได้รับคำชมอย่างท่วมท้น (และเข้าชิงออสการ์):
ตัวแทนของความจงรักภักดี: ในบทเทรนเนอร์ที่ปากจัดแต่ใจดี เขาคือ “ลมใต้ปีก” ของบร็อดด็อก จีอาแมตติแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและการมองเห็นศักยภาพในตัวเพื่อนที่โลกทอดทิ้ง เคมีระหว่างเขากับโครว์สร้างมิติความเป็นพี่น้องที่ทำให้หนังมีความสมบูรณ์แบบ

Cinderella Man (2005) วีรบุรุษสังเวียนเกียรติยศ มิใช่เพียงภาพยนตร์ที่ฉลองชัยชนะเหนือคู่ต่อสู้บนเวที แต่มันคือ “จดหมายเหตุเชิงวิพากษ์” ที่ย้ำเตือนเราว่า ในช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของประวัติศาสตร์ สิ่งที่จะช่วยให้มนุษย์ก้าวข้ามอุปสรรคได้มิใช่อำนาจเงินทอง แต่คือ “ความรับผิดชอบและความรัก” ในเชิงเนื้อเรื่อง รอน ฮาวเวิร์ด ประสบความสำเร็จในการกู้คืนตำนานบุรุษธรรมดาให้กลายเป็นแรงบันดาลใจสากล, ในเชิงภาพ มันคืองานศิลปะที่บันทึกร่องรอยของยุคเศรษฐกิจตกต่ำได้อย่างสมจริงและงดงาม และในเชิงการแสดง รัสเซล โครว์ ได้สถาปนาภาพจำของ “วีรบุรุษชนชั้นแรงงาน” ที่จะคงอยู่เป็นอมตะตลอดไป
ภาพยนตร์เรื่องนี้ทิ้งท้ายด้วยสัจธรรมที่ลุ่มลึกว่า “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมิใช่การคว้าเข็มขัดแชมป์โลกมาครอง แต่คือการสามารถกลับบ้านไปหาครอบครัวด้วยความภาคภูมิใจว่าเราได้สู้จนถึงที่สุดเพื่อพวกเขาแล้ว” Cinderella Man จึงเป็นผลงานที่สง่างาม ลุ่มลึก และเป็นบทสะท้อนความทรหดของมนุษยชาติที่ทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกภาพยนตร์ ก้าวต่อไปที่คุณอาจสนใจ: หากคุณประทับใจในมิติด้าน “การต่อสู้ภายใต้วิกฤตสังคม” หรือต้องการสำรวจความแตกต่างระหว่างภาพยนตร์มวยเรื่องนี้กับเรื่องอื่น คุณต้องการให้ผมวิเคราะห์เปรียบเทียบกับ Southpaw หรือ The Fighter เพื่อเห็นมุมมองที่หลากหลายของจิตวิญญาณนักสู้ในยุคสมัยที่ต่างกันหรือไม่ครับ? รับชมหนัง Cinderella Man (2005) วีรบุรุษสังเวียนเกียรติยศ ได้ที่ movie24hd