Video Sources 39 Views

  • Watch trailer
  • ตัวเล่นหลัก

Synopsis

Baaghi 4 (2025) หลังจากรอดชีวิตจากความพยายามฆ่าตัวตายบนรถไฟ ชายผู้โศกเศร้าโศกต้องเผชิญกับความวุ่นวายเมื่อความจริงเลือนราง คนที่เขารักต่างตั้งคำถามว่าอะไรคือความจริง ขณะที่ความจริงที่ซ่อนอยู่ดึงเขาเข้าสู่วังวนแห่งความหลงใหลและความรักที่ยั่งยืน

 

Baaghi 4 (2025) การกลับมาของ “รอนนี่” กับมหากาพย์แอ็คชั่นเลือดเดือดที่โลกต้องจารึก

จักรวาล Baaghi: ตำนาน “One Man Army” แห่งเอเชีย

ก่อนจะไปพูดถึงภาค 4 เราต้องปูพื้นฐานความยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์นี้กันสักนิด สำหรับแฟนหนังหน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการหนังอินเดีย คำว่า “Baaghi” ในภาษาฮินดีแปลว่า “กบฏ” หรือผู้ที่ไม่ยอมก้มหัวให้ความอยุติธรรม จุดเด่นของหนังชุดนี้คือการนำเสนอตัวละครเอกชื่อ “รอนนี่” (Ronnie) ชายหนุ่มผู้มีทักษะการต่อสู้เป็นเลิศ รักใครรักจริง และพร้อมจะทำลายล้างทุกคนที่มาแตะต้องคนที่เขารัก และใน Baaghi 4 (2025) สเกลของหนังไม่ได้เล็กลงเลย แต่มันเปลี่ยนโฟกัสจาก “ความเวอร์วัง” มาสู่ “ความสมจริงที่เจ็บปวด” มากขึ้น ภายใต้การกำกับของ A. Harsha ผู้กำกับวิสัยทัศน์ไกลจากฝั่งกรรณาดะ ที่เข้ามารับไม้ต่อเพื่อสร้างตำนานบทใหม่

  • Baaghi 1: เน้นเรื่องราวความรักและการต่อสู้เพื่อแย่งชิงนางเอก ผสมผสานศิลปะการต่อสู้แบบ Kalaripayattu

  • Baaghi 2: พลิกโฉมสู่ความดุดันแบบทหารหน่วยรบพิเศษ กับภารกิจตามหาคนหายที่หักมุมจนคนดูอ้าปากค้าง

  • Baaghi 3: ยกระดับสเกลไปสู่สงครามระหว่างประเทศ เมื่อรอนนี่ต้องไปช่วยพี่ชายถึงซีเรีย สู้กับรถถังและเฮลิคอปเตอร์ด้วยมือเปล่า

เรื่องย่อ

เรื่องราวในภาคนี้ รอนนี่ (Tiger Shroff) ได้ปลีกตัวออกจากวงการทหารและการต่อสู้ หันมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในเมืองเล็กๆ ชายขอบประเทศ เขาพยายามลืมอดีตที่เต็มไปด้วยเลือดและคราบน้ำตา โดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือการดูแลครอบครัวที่เหลืออยู่แต่โชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อเมืองที่เขาอาศัยอยู่ตกเป็นเป้าหมายของ “The Syndicate” องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่นำโดย ราชิต (ตัวร้ายหลักของเรื่อง) ผู้ซึ่งต้องการเปลี่ยนเมืองนี้ให้กลายเป็นฐานการผลิตอาวุธเถื่อนและยาเสพติดราชิตใช้อำนาจเงินซื้อเจ้าหน้าที่รัฐ

และใช้ความรุนแรงกดขี่ชาวบ้านจุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนสนิทของรอนนี่ ซึ่งเป็นนักข่าวท้องถิ่นที่พยายามเปิดโปงเรื่องนี้ ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา และกฎหมายกลับไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำได้ ความโกรธแค้นที่ถูกกดทับมานานจึงปะทุขึ้น“รอนนี่ไม่ได้เริ่มสงครามครั้งนี้… แต่เขาจะเป็นคนจบมัน”ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่แค่การไปช่วยคน แต่เป็นการ “ล้างบาง” รอนนี่ต้องงัดทุกทักษะการสังหารที่เขามี ออกมาใช้ในรูปแบบศาลเตี้ย (Vigilante) การต่อสู้ลามไปตั้งแต่ตรอกซอกซอยสกปรก ไปจนถึงตึกระฟ้าในมหานครใหญ่ และจบลงที่ฐานทัพลับกลางป่าดิบชื้น

เจาะลึกนักแสดงและตัวละคร (Cast & Characters)

Tiger Shroff รับบท “Ronnie”

ในวัย 35 ปี (ปี 2025) Tiger Shroff ดูสุขุมและแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเขาในภาคนี้ดูลีนและเต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งสะท้อนถึงผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน

  • จุดเด่นการแสดง: สิ่งที่พัฒนาขึ้นชัดเจนคือ “แววตา” ภาคนี้รอนนี่พูดน้อยลง แต่สายตาที่มองศัตรูนั้นอำมหิตขึ้น การแสดงอารมณ์ดราม่าสูญเสียทำได้ลึกซึ้ง ทำให้คนดูเชื่อว่าทำไมเขาถึงต้องฆ่าคนเป็นร้อยเพื่อความยุติธรรม

ตัวร้าย (The Villain)

หนังอินเดียจะขาดรสชาติถ้าขาดตัวร้ายที่สมน้ำสมเนื้อ ภาคนี้ได้นักแสดงสายฝีมือ (ขอสงวนนามเพื่อเซอร์ไพรส์ในหนัง) มารับบทหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่มีทักษะการต่อสู้ทัดเทียมกับพระเอก ไม่ใช่แค่นั่งสั่งการ แต่ลงมือสู้เองด้วย ทำให้ฉาก Final Fight เป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของปี

นางเอกและตัวประกอบ

แม้หนังจะเน้นขายไทเกอร์ แต่บทนางเอกในภาคนี้ไม่ได้มาเพื่อเป็นแค่ “สาวสวยรอความช่วยเหลือ” เธอมีบทบาทในการสืบสวนสอบสวนและช่วยเหลือพระเอกในเชิงกลยุทธ์ ทำให้หนังดูมีความทันสมัยและเคารพเพศหญิงมากขึ้น

โปสเตอร์หนัง

งานสร้างและฉากแอ็คชั่น: มาตรฐานใหม่ของ Bollywood

ถ้าคุณคิดว่า Baaghi 3 เวอร์แล้ว Baaghi 4 จะทำให้คุณเปลี่ยนความคิด เพราะแทนที่จะเน้นระเบิดภูเขาเผากระท่อมแบบไร้เหตุผล ภาคนี้เน้น Combat Realism (ความสมจริงในการต่อสู้) ผสมผสานกับสไตล์ Hyper-Violence

  • Long-Take Sequence: มีฉากหนึ่งในหนังที่เป็นการถ่ายทำแบบ Long-take (เทคเดียวต่อเนื่อง) ยาวกว่า 7 นาที เป็นฉากที่รอนนี่บุกเข้าไปในเรือนจำร้างเพื่อชิงตัวพยาน ฉากนี้เราจะได้เห็นไทเกอร์ใช้อาวุธทุกอย่างที่หยิบฉวยได้ ตั้งแต่ถาดอาหาร โซ่ ไปจนถึงปากกา เพื่อจัดการศัตรูนับสิบคน มุมกล้องหมุนติ้วตามทิศทางการเตะต่อย สร้างความมึนงงและตื่นเต้นไปพร้อมกัน

  • Martial Arts: ภาคนี้มีการนำศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ เราจะได้เห็นท่า Ground and Pound, ท่าล็อคคอ และการหักกระดูกที่ดูแล้วเจ็บแทน เสียงประกอบ (Sound Effect) เวลาหมัดกระทบเนื้อ หรือเสียงกระดูกลั่น ถูกมิกซ์มาอย่างดีเยี่ยม

  • Cinematography (งานภาพ): โทนสีของหนังปรับให้มีความ High Contrast จัดจ้าน เน้นสีแดงและดำเป็นหลัก เพื่อสื่อถึงความรุนแรงและอันตราย แตกต่างจากภาคก่อนๆ ที่ภาพจะดูสว่างและสดใสกว่า

วิเคราะห์วิจารณ์ (Critical Review)

ข้อดี (Pros)

  1. Tiger Shroff คือของจริง: ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเขาคือเบอร์ 1 ด้านแอ็คชั่นของอินเดีย ความทุ่มเทในการเล่นฉากสตั๊นท์ด้วยตัวเองยังคงเป็นจุดขายที่หาตัวจับยาก

  2. ความสะใจระดับ 10/10: สำหรับคนที่เครียดจากงาน หรืออยากหาอะไรดูเพื่อระบายอารมณ์ หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์มาก การเห็นพระเอกกระทืบคนเลวแบบไม่ยั้งมือคือความบันเทิงบริสุทธิ์

  3. การเดินเรื่องกระชับ: แม้หนังจะยาว แต่การตัดต่อทำได้รวดเร็ว ไม่มีช่วงน่าเบื่อ (Dead Air) มากนัก เพลงประกอบเร้าใจตลอดเวลา

ข้อเสีย (Cons)

  1. บทภาพยนตร์ยังอ่อน: ตามสไตล์หนัง Masala (หนังรสแซ่บของอินเดีย) ตรรกะบางอย่างยังคงมีความ “อิหยังวะ” อยู่บ้าง เช่น พระเอกโดนยิงแต่ยังวิ่งปร๋อ หรือตำรวจที่มาช้าเสมอ

  2. ความรุนแรง: ภาคนี้อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับผู้ชมบางกลุ่ม เลือดเป็นเลือด กระดูกทะลุ ใครที่ใจไม่แข็งอาจจะต้องปิดตาดูบางช่วง

 

คุ้มค่าแก่การดูหรือไม่?

  • อาจไม่ใช่หนังที่จะไปชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่มันคือหนังที่ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือการมอบ “ความบันเทิง” ให้กับผู้ชม มันคือจดหมายรักถึงแฟนหนังแอ็คชั่นยุค 90s ที่ถูกอัปเกรดด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ถ้าคุณเป็นแฟนคลับ Tiger Shroff การดูเรื่องนี้คือไฟลท์บังคับ แต่ถ้าคุณเป็นขาจรที่อยากลองสัมผัสความระห่ำของหนังอินเดีย นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในปีนี้
  • คะแนนจาก Movie24HD: 8/10 (ตัดคะแนนความเว่อร์วังเล็กน้อย แต่บวกคะแนนความทุ่มเทของนักแสดง)

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) – ตอบทุกข้อสงสัย

Q1: ไม่เคยดู Baaghi 1, 2, 3 มาก่อน จะดูภาค 4 รู้เรื่องไหม?

A: ดูรู้เรื่องแน่นอนครับ 100% แฟรนไชส์ Baaghi เป็นลักษณะจบในตอน (Stand-alone) ตัวละคร “รอนนี่” ในแต่ละภาคคือคนละคนกัน เพียงแต่ใช้นักแสดงคนเดิมและชื่อเดิมเพื่อคงเอกลักษณ์ ดังนั้นคุณสามารถเริ่มดูภาค 4 ได้เลยโดยไม่ต้องทำการบ้านมาก่อนครับ

Q2: หนังมีความยาวเท่าไหร่?

A: หนังมีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง 25 นาที ซึ่งเป็นความยาวมาตรฐานของหนังอินเดีย โดยแบ่งเป็นช่วงปูเรื่อง 30 นาที และที่เหลือคือแอ็คชั่นแบบ Non-stop ครับ

Q3: มีฉากเต้นไหม?

A: ขึ้นชื่อว่าหนังอินเดีย ยังไงก็ต้องมีครับ! แต่ในภาคนี้ฉากเต้น (Item Song) จะถูกใส่เข้ามาอย่างมีจังหวะจะโคน ไม่ขัดอารมณ์หนัง โดยเพลงโปรโมทหลักมีจังหวะที่ดุดัน ปลุกใจ มากกว่าจะมาเต้นจีบกันหวานแหววเหมือนภาคแรกๆ

Q4: ดูได้ที่ไหนบ้างนอกจากโรงภาพยนตร์?

A: ปัจจุบันหนังยังอยู่ในช่วงฉายโรงและลงแพลตฟอร์ม Streaming เฉพาะกลุ่ม แต่ทาง Movie24HD ได้รวบรวมลิงก์รับชมที่ดีที่สุดมาให้คุณแล้ว สามารถเข้าไปค้นหาในเว็บได้เลยครับ

Q5: มีฉาก End Credit หรือไม่?

A: มีครับ! ห้ามลุกเด็ดขาด มีฉาก Mid-credit 1 ฉาก ที่บอกใบ้ถึงศัตรูคนใหม่ที่อาจจะโหดกว่าเดิม และอาจมีการ Crossover กับหนังเรื่องอื่นในจักรวาลของผู้กำกับด้วย

 

Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Baaghi 4 (2025)
Original title ดูหนัง Baaghi 4 (2025)
IMDb Rating 2.4 8,526 votes
TMDb Rating 4.6 10 votes

Similar titles

Puri for Rent (2025)
The Adventures of Jurassic Pet Return to the Wild (2025)
Never Let Go (2015) พญายมยังก้มกราบ
Love In The Clouds (2025)
The Follower (2025)
Off the Grid (2025)
Shiranai Kanojo (2025) รักแรก แปลกหน้า
Lee Soo Man King of K-Pop (2025) อี ซูมาน ราชาแห่งเคป็อป
Night of Wrath (2025)
Kaiju No. 8 Mission Recon (2025)
Between Borders (2025)
Bright Sky (2025)