รีวิวหนัง The Maze Runner (2014) วงกตมฤตยู เมื่อเขาวงกตมิใช่เพียงกับดัก แต่คือภาพจำลองของระเบียบสังคม! ในห้วงทศวรรษที่ภาพยนตร์แนววรรณกรรมเยาวชนดิสโทเปีย (Young Adult Dystopia) ครองอิทธิพลเหนืออุตสาหกรรมบันเทิงโลก The Maze Runner (2014) ผลงานการกำกับของ เวส บอล (Wes Ball) ได้รับการจดจำในฐานะงานศิลปะภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นและเคร่งขรึมที่สุดเรื่องหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้มิได้นำเสนอเพียงแค่การเอาชีวิตรอดจากอสุรกายในเขาวงกต ทว่ามันคือการสำรวจ “จิตวิทยาของกลุ่มก้อน” (Group Psychology) และการปะทะกันระหว่าง “สัญชาตญาณแห่งความมั่นคง” กับ “ความปรารถนาในเสรีภาพ”
ภายใต้รูปลักษณ์ของหนังระทึกขวัญไซไฟ The Maze Runner ทำหน้าที่เป็นอุปมานิทัศน์ (Metaphor) ที่แหลมคมถึงการเติบโตของเยาวชนที่ถูกโยนเข้าสู่ระบบที่ตนไม่ได้เลือก และต้องพยายามถอดรหัสกฎเกณฑ์เพื่อหาความหมายของการมีชีวิต บทวิพากษ์ฉบับนี้จะเจาะลึกองค์ประกอบทางศิลป์อย่างละเอียด ทั้งในมิติของเนื้อเรื่องที่วิพากษ์โครงสร้างอำนาจ, สุนทรียศาสตร์ทางภาพที่สร้างความกดดันเชิงพื้นที่ และการแสดงที่แบกรับน้ำหนักของความสิ้นหวังและความหวังเอาไว้ได้อย่างมีชั้นเชิง

ความอัจฉริยะประการแรกของบทภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ เจมส์ แดชเนอร์ คือการใช้ “สภาวะความจำเสื่อม” (Amnesia) ของตัวละครเอกเป็นเครื่องมือในการดึงผู้ชมให้เข้าไปร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งความไม่รู้ (The Unknown) ซึ่งนำไปสู่การตั้งคำถามเชิงปรัชญาว่าด้วยอัตลักษณ์และเจตจำนงเสรี
การจัดระเบียบในพื้นที่ปิดล้อม: เสรีภาพที่ถูกแลกด้วยความปลอดภัย
เนื้อเรื่องวางรากฐานตัวละคร “โธมัส” ให้เป็นตัวแทนของความสงสัย (Inquisitiveness) ที่เข้ามาสั่นคลอนระบบนิเวศใน “ทุ่ง” (The Glade) ซึ่งถูกปกครองด้วยกฎเหล็กของอัลบีและนิวท์:
ความขัดแย้งระหว่างอุดมการณ์: บทภาพยนตร์สร้างขั้วอำนาจทางความคิดที่ชัดเจนระหว่าง “โธมัส” ผู้ต้องการหาคำตอบแม้ต้องเสี่ยงชีวิต และ “เกลลี่” ผู้ยึดถือความเป็นระเบียบและกลัวการเปลี่ยนแปลง สภาวะนี้สะท้อนถึงการปะทะกันในสังคมมนุษย์ระหว่างฝ่ายก้าวหน้าที่ต้องการทำลายกำแพง และฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต้องการรักษาความสงบสุขในพื้นที่คุ้นเคย (Comfort Zone)
วงกตในฐานะเครื่องมือทดสอบศีลธรรม: เขาวงกตในเรื่องนี้มิได้ทำหน้าที่เพียงสถานที่กักขัง แต่เป็น “สนามทดลองจริยธรรม” (Ethical Proving Ground) การที่ตัวละครต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการช่วยชีวิตเพื่อนหรือการรักษาชีวิตตนเองท่ามกลางประตูกลที่กำลังปิดลง คือการสำรวจคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่ลึกซึ้ง
การวิพากษ์องค์กรลึกลับ (The Critique of Systematic Control)
เนื้อเรื่องสอดแทรกนัยยะขององค์กร “W.C.K.D.” (วิคเค็ด) ซึ่งเป็นภาพแทนของรัฐอำนาจนิยมหรือกลุ่มทุนที่มองเห็นชีวิตเยาวชนเป็นเพียง “ข้อมูล” หรือ “ตัวแปร” ในการแก้ปัญหาใหญ่ของโลก การสูญเสียความไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มในทุ่งจึงเป็นภาพสะท้อนของการถูกลดทอนความเป็นมนุษย์โดยระบบที่อ้างความดีงามส่วนรวมมาบังหน้า

งานด้านสุนทรียศาสตร์ของ The Maze Runner คือชัยชนะของการสร้างบรรยากาศที่เรียกว่า “The Aesthetics of Imprisonment” หรือสุนทรียภาพแห่งการถูกจองจำ โดยผู้กำกับภาพ เอนริเก้ เชเดียค (Enrique Chediak) ได้สร้างความแตกต่างของพื้นที่ได้อย่างทรงพลัง
ความขัดแย้งของทัศนียภาพ: สวนสวรรค์ ปะทะ นรกคอนกรีต
งานภาพมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารอารมณ์ผ่านการจัดการพื้นที่ (Mise-en-scène):
ความเขียวขจีที่น่าสงสัย (The Glade): ทุ่งหญ้าและธรรมชาติในพื้นที่อาศัยถูกถ่ายทอดด้วยโทนสีที่อบอุ่นและแสงแดดที่ดูสว่างไสว ทว่ากล้องมักจะทิ้งภาพกำแพงคอนกรีตขนาดยักษ์ไว้ในฉากหลังเสมอ เพื่อย้ำเตือนผู้ชมว่านี่คือ “กรงขัง” ที่สวยงาม
สถาปัตยกรรมแห่งความตาย (The Maze): เมื่อก้าวเข้าสู่เขาวงกต โทนภาพจะเปลี่ยนเป็นสีเทาขรึมและมีความชื้นแฉะ การใช้มุมกล้องระดับต่ำ (Low Angle) และภาพมุมกว้างพิเศษที่แสดงให้เห็นความสูงชันของกำแพง สื่อถึงความไร้อำนาจของมนุษย์เมื่อเทียบกับสิ่งก่อสร้างไร้จิตวิญญาณ
พลวัตของการเคลื่อนไหว: เวส บอล ผู้กำกับที่เชี่ยวชาญด้าน Visual Effects ใช้การเคลื่อนกล้องที่รวดเร็ว (Kinetic Movement) ในฉากการวิ่งไล่ล่า ทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงอะดรีนาลีนและความกดดันของเวลา (Race against time) ภาพของ “โศกนาฏกรรมจักรกล” (The Grievers) ถูกออกแบบมาให้มีความเป็นชีวภาพผสมจักรกลที่น่าขยะแขยงและน่าหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน
ความมืดและความหวัง
การใช้แสงไฟจากคบเพลิงในยามค่ำคืน สร้างบรรยากาศแบบพิธีกรรมทางศาสนาหรือกลุ่มเผ่าพันธุ์ดั้งเดิม สื่อถึงการถอยหลังเข้าคลองของอารยธรรมมนุษย์ที่ต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบพึ่งพาธรรชาติพื้นฐานในโลกที่เทคโนโลยีขั้นสูงคอยจับจ้องอยู่เบื้องบน
หัวใจสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสัตย์จริง (Authenticity) คือการแสดงที่เปี่ยมด้วยพลังของทีมนักแสดงรุ่นใหม่ที่สามารถสื่อสาร “ความเปราะบาง” และ “ความเข้มแข็ง” ได้อย่างสมดุล
ดีแลน โอไบรอัน (Dylan O’Brien) ในบท โธมัส: ศูนย์กลางของแรงสั่นสะเทือน
ดีแลน โอไบรอัน มอบการแสดงที่เป็น “เครื่องยนต์” ของหนัง:
ความมุ่งมั่นที่น่าเชื่อถือ: เขาไม่ได้แสดงเป็นซูเปอร์ฮีโร่ แต่แสดงเป็นเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความกลัวแต่ถูกผลักดันด้วยสัญชาตญาณของการค้นหาความจริง การแสดงออกทางสายตาของเขาในฉากที่ต้องประจันหน้ากับเขาวงกตเป็นครั้งแรก สื่อถึงความสับสนที่แปรเปลี่ยนเป็นความกล้าหาญได้อย่างแนบเนียน
กายภาพการแสดง: พลังงานในการวิ่งและการเคลื่อนไหวของโอไบรอันช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับความเร่งรีบของเนื้อเรื่อง
วิล พูลเตอร์ (Will Poulter) ในบท เกลลี่: มิติของตัวร้ายที่น่าเห็นใจ
วิล พูลเตอร์ มอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในเรื่อง:
ความเกลียดชังที่เกิดจากความกลัว: พูลเตอร์มิได้เล่นเป็นตัวร้ายแบนๆ แต่เขาสื่อให้เห็นว่าเกลลี่คือคนที่รัก “บ้าน” (ทุ่ง) แห่งนี้มากที่สุด ความขัดแย้งของเขากับโธมัสจึงมิใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของการรักษาความมั่นคงเพียงหนึ่งเดียวที่เขามี แววตาที่ดุดันแต่แฝงด้วยความเจ็บปวดทำให้เขากลายเป็นคู่ปรับที่มีมิติทางศีลธรรม
ทีมนักแสดงสมบท (The Supporting Pillars)
โทมัส โบรดี-แซงสเตอร์ (นิวท์) และ คี ฮง ลี (มินโฮ): ทั้งสองทำหน้าที่เป็นสมอเรือทางอารมณ์ นิวท์คือสติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจ ในขณะที่มินโฮคือความแข็งแกร่งและการยอมรับความจริง เคมีระหว่างกลุ่มนักแสดงหนุ่มเหล่านี้สร้างความรู้สึกของ “ภราดรภาพ” (Brotherhood) ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยให้พวกเขาพ้นจากวิกฤต

The Maze Runner (2014) วงกตมฤตยู มิใช่เพียงภาพยนตร์แนวแอ็กชันไซไฟที่สร้างมาเพื่อตอบสนองความตื่นเต้นเพียงชั่วคราว แต่มันคือจดหมายเหตุเชิงวิพากษ์ว่าด้วย “ความกล้าหาญที่จะตั้งคำถาม” ต่อกฎระเบียบที่ไร้ที่มา ในเชิงเนื้อเรื่อง เวส บอล ประสบความสำเร็จในการนำบทเรียนเรื่องการก้าวพ้นวัย (Coming-of-age) มาขยายสเกลสู่การต่อสู้กับระบบ, ในเชิงภาพ มันคืองานศิลปะที่บันทึกความยิ่งใหญ่อันน่าเกรงขามของสถาปัตยกรรมแห่งการกักขังได้อย่างยอดเยี่ยม และในเชิงการแสดง ดีแลน โอไบรอัน และทีมนักแสดงนำได้มอบ “ลมหายใจ” ให้แก่ตัวละครเยาวชนที่ต้องแบกรับชะตากรรมของโลกที่พังทลาย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ทิ้งท้ายด้วยสัจธรรมที่ลึกซึ้งว่า “ความปลอดภัยในกรงขังมิใช่เสรีภาพ และการมีชีวิตรอดโดยปราศจากคำตอบก็ไม่ต่างจากการตายทั้งเป็น” The Maze Runner จึงเป็นผลงานที่สง่างาม ลุ่มลึก และเป็นหมุดหมายสำคัญที่เตือนใจเราว่า วงกตที่แท้จริงอาจมิใช่กำแพงคอนกรีตที่อยู่รอบตัว แต่คือความกลัวที่ฝังรากอยู่ในใจเราเอง ก้าวต่อไปที่คุณอาจสนใจ: หากคุณประทับใจในมิติด้าน “จิตวิทยาของการปกครอง” ในภาคแรกนี้ คุณต้องการให้ผมวิเคราะห์เปรียบเทียบกับภาคต่ออย่าง The Scorch Trials เพื่อเห็นการขยายตัวของอำนาจองค์กร W.C.K.D. หรือต้องการเจาะลึกในประเด็น “สัญญะของธรรมชาติกับอุตสาหกรรม” ที่ปรากฏในเรื่องนี้เพิ่มเติมหรือไม่ครับ? รับชมหนัง The Maze Runner ได้ที่ movie24hd